เปรียบเทียบประกันสุขภาพสำหรับเด็กต้องทำอย่างไรบ้าง

เชื่อเหลือเกินว่าหากใครลองได้เป็นคุณพ่อคุณแม่ ความห่วงใยที่สำคัญที่สุดในตัวลูกคือ สุขภาพจะต้องแข็งแรงและมาก่อนเรื่องอื่นใด แม้ว่าในช่วงแรกเกิดลูกรักจะแข็งแรงสมวัย แต่ก็ยังไม่หมดห่วงได้ เพราะช่วงวัยนี้อยู่ระหว่างที่ร่างกายกำลังสร้างเซล์และภูมิคุ้มกันต่างๆ ขึ้นมาใหม่  ในบางครั้งที่ต้องเผชิญสภาวะต่างๆ รอบๆกาย มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยมากกว่าวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ จึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญกับการเปรียบเทียบประกันสุขภาพเด็ก เพื่อวางแผนสุขภาพในระยะยาว 

เด็กที่มีอายุระหว่าง 1-14 ปี เสี่ยงต่อการเกิดโรคอะไรบ้าง 

ปัจจุบันเรามักจะพบว่าเด็กมักจะเจ็บป่วยได้ง่าย ไม่ว่าจะเกิดจากการแพร่เชื้อ สภาพอากาศที่แปรปรวน มลภาวะรอบ ๆ ตัว สำหรับเด็กในช่วงอายุระหว่าง 1-14 ปี มักจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ คือ ไข้หวัดใหญ่ ตาแดง ไข้เลือดออก มือเท้าปาก แม้ว่าจะเป็นโรคธรรมดาที่มักจะเกิดขึ้นกับเด็กในวัยนี้  แต่ถ้าปล่อยให้เจ็บป่วยบ่อย ก็สามารถทำให้พัฒนาการของเด็กช้าลง ทั้งในส่วนของ สมอง การสื่อสาร การเจริญเติบโตทางร่างกาย เป็นต้น

ประกันสุขภาพสำหรับเด็กต้องเปรียบเทียบประกันสุขภาพแบบไหนบ้าง

อย่างที่เราทราบดีว่า เด็กมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่ายกว่าวัยอื่น การพิจารณาเลือกความคุ้มครอง ที่เหมาะสมและครอบคลุมถือเป็นการวางแผนสุขภาพที่รัดกุมให้กับลูก เรามาดูกันว่าเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่ลูกน้อยควรจะได้รับจะต้องมีอะไรบ้าง 

1.คุ้มครองการรักษาพยาบาล

ควรครอบคลุมในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป โรคที่มักเกิดขึ้นกับเด็ก ตามที่ได้กล่าวแล้วตามรายละเอียดด้านบน   การรักษาแบบ IPD และ OPD อุบัติเหตุ ทันตกรรม และการเสียชีวิต เป็นต้น

2.วงเงินการรักษาที่ให้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่า

การเปรียบเทียบราคาค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลที่ให้บริการ จะช่วยให้เราทราบข้อมูลพื้นฐานว่า ควรเลือกประกันสุขภาพสำหรับเด็กแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่แผนประกันสุขภาพจะให้ความคุ้มครองเริ่มต้นที่ 50,000-100,000 บาท หรือสามารถเลือกแผนการตอบแทนค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นแบบเหมาจ่าย จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายกรณีเจ็บป่วยรุนแรงได้เช่นกัน

ก่อนตัดสินใจทำประกันสุขภาพให้ลูกควรพิจารณาจากอะไรบ้าง

1.เช็คสิทธิที่มีอยู่

ก่อนที่จะซื้อประกันสุขภาพสำหรับเด็กเพิ่มเติม คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบสิทธิ์ต่างที่ลูกมีอยู่แล้ว เช่น  สวัสดิการของพ่อแม่ สวัสดิการจากรัฐ แล้วตรวจสอบความคุ้มครองที่ได้รับ เพื่อพิจารณาในการเลือกซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติม

2.วงเงินที่สามารถจ่ายได้

คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกแผนประกันสุขภาพควบคู่กับวงเงินเบี้ยประกันที่สามารถจ่ายได้ เพื่อประโยชน์ที่คุ้มค่า ไม่เสียเปล่า ซึ่งปัจจุบันเราสามารถเลือกวงเงินได้ 2 รูปแบบคือ การชำระเบี้ยแบบแยกจ่าย และการชำระเบี้ยแบบเหมาจ่าย เป็นต้น

งานนี้ใครที่กำลังมีแผนทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อยละก็ อย่าลืมเปรียบเทียบแผนประกันสุขภาพสำหรับเด็กด้วยนะคะ เพื่อที่ลูกน้อยของคุณจะได้ความคุ้มครองที่เหมาะสม 

Justin Author